คดีแดงที่ 1347/2505 | อัยการจังหวัดสุพรรณบุรี จ. นางโมย แซ่ฮ้อ จ.ล |
พ.ร.บ.สุรา พ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๑๔, ๓๘ ทวิ
พ.ร.บ.สุรา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๘
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๔, ๖๒
พ.ร.บ.สุรา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๘
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๔, ๖๒
จำเลยขนสุราจากร้านขายส่งไปยังร้านจำเลย ซึ่งอยู่ในอำเภอเดียวกันเป็นปกติ แต่ทางที่ขนไปนั้นต้องผ่านเข้าเขตอีกจังหวัดหนึ่ง เมื่อจำเลยสำคัญผิดว่าผู้รับใบอนุญาตขายสุรามีอำนาจออกใบขนสุราให้ขนสุราไปได้โดยไม่ผิดกฎหมายเช่นนี้ จำเลยย่อมไม่มีเจตนาขนสุราโดยไม่มีใบขนอันถูกต้อง จึงไม่มีความผิด
ประกาศกรมสรรพสามิตที่กำหนดเงื่อนไขแก่ผู้รับใบอนุญาตขายส่งสุรา ในการออกใบขนนั้นมิใช่กฎหมาย เพราะเป็นแต่ระเบียบการที่เจ้าพนักงานกำหนดขึ้นเพื่อปฏิบัติการตามอำนาจที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น ประกาศนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่ง
…………………..……………………………………………………………..
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขนสุราจำนวน ๑,๐๐๐ ลิตร ออกจากเขตอำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เข้ามาในเขตอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมิได้รับใบอนุญาตขนสุรา ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๑๔, ๓๘ ทวิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด เพราะไม่มีเจตนาพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นวา ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามที่ศาลล่างทั้งสองฟังมาว่า จำเลยขนสุราจากร้านขายส่งอำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อไปยังร้านของจำเลยที่ตำบลลาวขวัญ อำเภอเดียวกัน โดยมีใบขนของร้านขายส่งนั้น ซึ่งออกให้โดยอาศัยอำนาจที่อธิบดีอนุญาตให้ร้านขายส่งออกได้ตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๑๖ จำเลยเข้าใจว่า ใบอนุญาตนั้นคุ้มครองจำเลยให้ขนได้ตามที่ได้เคยปฏิบัติมาหลายครั้ง รวมทั้งรายอื่น ๆ ไม่มีการจับกุมกัน ศาลฎีกาเห็นว่าเงื่อนไขที่กล่าวถึงในมาตรา ๑๖ นี้เป็นเงื่อนไขที่อธิบดีจะกำหนดแก่ผู้รับใบอนุญาตให้ขายสุราในการที่จะออกใบขนสุรา หาใช่เงื่อนไขที่ผู้รับอนุญาตให้ขายสุราจะกำหนดลงในใบขนไม่ ดังจะเห็นได้จากข้อความในประกาศกรมสรรพสามิต เรื่องอนุญาตให้ผู้รับอนุญาตขายสุรา ฯลฯ ออกหนังสือสำคัญสำหรับขนสุราออกจากสถานที่ขายสุราของตนได้ ลงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๐๓ การขอผ่อนผันนี้ก็เป็นการที่ผู้รับใบอนุญาตขายสุราต้องกระทำเพื่อมีอำนาจ ออกใบขนผ่านเขตจังหวัดอื่นได้ในกรณีที่ระบุไว้ จึงเป็นเรื่องที่ผู้รับใบอนุญาตขายสุราต้องจัดการเพื่อให้มีอำนาจออกใบขนได้โดยถูกต้องแก่พฤติการณ์ที่ต้องขนสุราผ่านเขตจังหวัดสุพรรณบุรีอยู่เป็นปกติดังในกรณีนี้ ประกาศกรมสรรพสามิตที่กำหนดเงื่อนไขแก่ผู้รับใบอนุญาตขายส่งสุราในการออกใบขนนี้มิใช่กฎหมาย เพราะเป็นแต่ระเบียบการที่เจ้าพนักงานกำหนดขึ้นเพื่อปฏิบัติการตามอำนาจที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น ประกาศนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่ง เมื่อจำเลยเข้าใจผิดไปว่าผู้รับใบอนุญาตขายสุรามีอำนาจออกใบขนสุราให้จำเลยขนสุราไปได้โดยไม่ผิดกฎหมายดังที่เคยทำกันมาเป็นปกติ จำเลยก็ไม่มีเจตนากระทำการขนสุราโดยไม่มีใบขนโดยถูกต้อง จำเลยไม่มีความผิดดังฟ้อง
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์
(จิตติ ติงศภัทิย์ -- บริรักษ์จรรยาวัตร -- พจน์ ปุษปาคม )
ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี - นายบดินทร์ ลุประสงค์
ศาลอุทธรณ์ - นายศรี มลิลา
คดีแดงที่ 515/2502 | พนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ นายคุณ แซ่กาง จำเลย |
พ.ร.บ. เก็บภาษีเครื่องขีดไฟซึ่งทำในพระราชอาณาเขต พ.ศ. ๒๔๗๖ มาตรา ๔, ๖, ๘, ๙
แม้ขณะจำเลยตั้งโรงงานประกอบเครื่องขีดไฟโดยไม่ได้รับอนุญาต จะยังไม่มีกฎกระทรวงออกใช้ตาม พ.ร.บ. เก็บภาษีเครื่องขีดไฟ ฯ พ.ศ. ๒๔๗๖ ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นผิดไปได้ เพราะตาม ม. ๖, ๘ แห่ง พ.ร.บ. นี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจออกกฎกระทรวงก็เพื่อควบคุมและปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่จะขออนุญาตประกอบเครื่องขีดไฟดังบัญญัติไว้ ในมาตรา ๔ นั้นเลย
…………………..……………………………………………………………..
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตั้งโรงงานอุตสาหกรรม ประกอบเครื่องขีดไฟโดยไม่เสนอแผนผังและไม่ได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. เก็บภาษีเครื่องขีดไฟ ซึ่งทำให้พระราชอาณาเขต พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา๔, ๙.
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่รู้ว่ามีกฎหมายนี้และว่าวิธีการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. นี้เพิ่งออกกฎกระทรวงเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๔๙๙ ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่จำเลยถูกจับแล้ว จำเลยจึงไม่ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.นี้ กับว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะจำเลยเลิกโรงงานนี้เกิน ๑ ปีแล้ว ก่อนถูกจับ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ตามชื่อพระราชบัญญัตินี้ระบุชัดแจ้งว่าเป็นกฎหมายออกมาเพื่อเก็บภาษีเครื่องขีดไฟ แต่วิธีการจัดเก็บ วิธีการอนุญาต ตลอดจนตั้งพนักงานวางอัตราค่าธรรมเนียมที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.นี้ จะต้องอาศัยกฎกระทรวงซึ่งจะออกตาม ม. ๖, แต่นับตั้งแต่ พ.ร.บ. นี้ ประกาศใช้แล้ว ๒๔ ปี กฎกระทรวงเพิ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๘ ธ.ค. ๒๔๙๙ ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจับจำเลยแล้ว เมื่อจำเลยเป็นมีหน้าที่ต้องเสียภาษี ให้แก่รัฐโดยความประสงค์จะตั้งโรงงานประกอบเครื่องขีดไฟ แต่ไม่มีวิธีการเก็บภาษีเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ จะเอาโทษแก่จำเลยยังไม่ชอบ พิพากษายกฟ้อง ของกลางคืนจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ขั้นตั้งโรงงานอุตสาหกรรมทำเครื่องขีดไฟ ไม่จำต้องอาศัยกฎกระทรวงแต่อย่างใด ที่จะต้องอาศัยกฎกระทรวง คือชั้นเก็บภาษี จำเลยจะเอาความไม่รู้กฎหมายนี้อยู่มาเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ พิพากษากลับว่า จำเลยผิดตาม พ.ร.บ. เก็บภาษีเครื่องขีดไฟฯ พ.ศ. ๒๔๗๖ มาตรา ๔, ๙ ปรับ ๑,๐๐๐ บาท ไม่ชำระค่าจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ เครื่องขีดไฟสำเร็จของรูปของกลางตามบัญชีท้ายฟ้องอันดับ ๓๒, ๓๓ ให้ริบ ของกลางนอกนั้นคืนจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามมาตรา ๖, ๘ แห่ง พ.ร.บ. นี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจออกกฎกระทรวง ก็เพื่อควบคุมและปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายฉบับนี้ หาได้เกี่ยวข้อกับการที่จะขออนุญาติประกอบเครื่องจัดไฟดังบัญญัติในมาตรา ๔ นั้นไม่ ฉะนั้น แม้ขณะจำเลยตั้งโรงงานประกอบเครื่องขีดไฟ โดยไม่ได้รับอนุญาตนี้จะยังไม่มีกฎกระทรวงออกใช้ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวก็ตาม ก็หาทำให้จำเลยพ้นผิดไม่ และฟังว่าจำเลยไม่รู้ถึงการที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง สมควรลงโทษปรับสถานเบา จังพิพากษาแก้เฉพาะโทษปรับโดยให้ปรับเพียง ๑๐๐ บาท ของกลางคงให้ริบเฉพาะอันดับ ๓๒ ส่วนอันดับที่ ๓๓ ยึดได้จากร้านอื่น ๆ ไม่ริบให้คืนเจ้าของ เพราะโจทก์ขอให้ริบแต่ของกลางที่จับได้จากโรงงานจำเลย
(ดุลยทัณฑ์, พิบูลย์, สุทธิวาท )
ศาลชั้นต้น - นายขาย รัตนวิจิตร
ศาลอุทธรณ์ - นายเชื้อ คงคากุล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2495 |
|
พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2486
กฎกระทรวงมหาดไทย ออกตามความในพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.2478
พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2486
ป.พ.พ. มาตรา 1382
ป.วิ.พ. มาตรา 143, 145, 271
การขอจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งได้มาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 นั้นจะต้องผ่านศาลทุกเรื่องและเมื่อศาลมีคำสั่งให้ได้กรรมสิทธิ์ที่ตามนั้นแล้ว ก็มีกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความใน พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 7) พ.ศ.2486 วางวิธีปฏิบัติไว้ในอันที่จะให้เกิดผลตามคำสั่งนั้นโดยรอบคอบ
ศาลมีคำสั่งให้หอทะเบียนออกใบแทนโฉนดให้ใหม่ แล้วแก้ทะเบียนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกนาโฉนดนั้น ถ้าผู้ร้องไม่ได้นำหนังสือสำหรับที่ดินไปแสดงก็จำต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงมหาดไทยที่กล่าวแล้วตามหมวด1ข้อ1(2)คือจะต้องทำการรังวัดใหม่ แล้วออกโฉนดให้ใหม่ ผู้ร้องจะขอให้ศาลบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ออกใบแทนโฉนดไปทีเดียวไม่ได้ และการที่เจ้าพนักงานจะต้องปฏิบัติไปตามกฎกระทรวงดังกล่าวแล้ว ก็หาเป็นการขัดแย้งต่อคำสั่งศาลที่จะให้ผู้ร้องได้รับกรรมสิทธิ์ในนาแปลงนั้นแต่ประการใดไม่ศาลจึงไม่ควรบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบตามกฎกระทรวง
________________________________
( นาถปรีชา - ดุลยการณ์โกวิท - ดุลยทัณฑ์ชนาณัติ )
หมายเหตุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น